ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องที่แนะนำ

พิธีตานก๋วยสลาก (สลากภัต)

พิธีตานก๋วยสลาก (สลากภัต) ตานก๋วยสลาก หรือที่ภาคกลางเรียกว่า สลากภัต คือประเพณีทำบุญใหญ่ของชาวล้านนา นิยมทำกันหลังออกพรรษา โดยชาวบ้านจะจัดสิ่งของใส่ภาชนะที่เรียกว่า ก๋วยสลาก นำไปถวายพระภิกษุสามเณรแบบไม่เจาะจงผู้รับ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ และสร้างบุญอันยิ่งใหญ่แก่ตนเอง ประวัติและความสำคัญ พิธีตานก๋วยสลากมีรากฐานมาจากคติในพระพุทธศาสนา ว่าด้วยการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ และการทำทานแบบเสมอภาค คือพระสงฆ์รูปใดจะได้รับก๋วยสลากใดก็แล้วแต่ “บุญจับฉลาก” มิใช่การเลือกเจาะจง ชี้ให้เห็นว่า บุญไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนสิ่งของ หากขึ้นอยู่กับความตั้งใจอันบริสุทธิ์ ตำนานเล่าถึงนางยักษ์ใจบาปที่ภายหลังได้สำนึกผิด หันมาสร้างกุศลโดยถวายสิ่งของแก่พระสงฆ์ผ่านวิธีการจับสลาก กลายเป็นจุดกำเนิดของ “สลากภัต” อันสืบทอดมาถึงปัจจุบัน วันเวลาในการทำบุญ ประเพณีนี้จะจัดขึ้นในช่วง วันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เหนือ ไปจนถึง วันแรม 14–15 ค่ำ เดือนเกี๋ยง (เดือน 11 เหนือ) ตรงกับช่วงเดือนกันยายน–ตุลาคม เป็นเวลาหลังฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อผู้คนพอมีผลผลิตและสิ่งของเหลือเฟือ จึงร่วมแรงร่วมใจกันทำบุญ...

คาถาปัตติทานะคาถา/ยาเทวะตา/คำแผ่ส่วนบุญ


คาถาปัตติทานะคาถา/ยาเทวะตา/คำแผ่ส่วนบุญ

(กรวดน้ำตอนเช้า/สวดแผ่ส่วนบุญ/ใช้สวดต่อท้ายทำวัตรเช้า หรือ ทำวัตรเย็น)

นะ มะยัง ปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เสฯ เราทั้งหลาย จงสวดแผ่ส่วนบุญเถิด

(รับ) ยา เทวะตา สันติ วิหาระวาสินี, เทวดาเหล่าใด ผู้อาศัยอยู่ในวิหาร

    ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง, อาศัยอยู่ที่เรือน พระสถูป ที่บ้านเรือน และเรือนต้นโพธิ์ในที่นั้นนั้น

    ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา, เทวดาเหล่านั้น จงเป็นผู้อันเราบูชาแล้วด้วยธรรมทาน

    โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล, จงกระทำความสวัสดีในบริเวณวิหารมลฑลนี้

    เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว, ขอภิกษุทั้งหลาย ทั้งที่เป็นเถระ มัชฌิมะและที่ยังใหม่อยู่

    สารามิกา ทานะปะตี อุปาสกา, ขอพวกอุบาสกอุบาสิกา ผู้เป็นเจ้าของทาน พร้อมทั้งคนที่อยู่ในอาราม

    คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา, ขอชนชาวบ้าน ชาวเมือง ชาวนิคม ผู้เป็นใหญ่ทั้งหลาย

    สัปปานะภูตา สุขิตา ภะวันตุเต, ขอชนเหล่านั้น พร้อมทั้งสัตว์ที่มีชีวิตทั้งหลายจงถึงซึ่งความสุข

    ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา, แม้สัตว์เหล่าใด ที่เกิดในครรภ์ ที่เกิดในไข่

    สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา, ที่เกิดในเถ้าไคล หรือที่เกิดขึ้นโตทันที

    นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต, ขอสัตว์เหล่านั้นทั้งหมดได้อาศัยธรรมอันประเสริฐ

    สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง ฯ, จงกระทำความสิ้นไปแห่งทุกข์เถิด

    ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม, ขอธรรมของสัตบุรุษ จงดำรงอยู่ตลอดกาลนาน

    ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา, ขอบุคคลผู้ทรงธรรม จงมีอายุยืน

    สังโฆ โหตุ สะมัคโค วะ, ขอพระสงฆ์จงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน

    อัตถายะ จะ หิตายะจะ, เพื่อประโยชน์เกื้อกูลเถิด

    อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม, ขอพระสัทธรรม จงรักษาพวกเรา

    สัพเพปิ ธัมมะจาริโน, พวกเราผู้มีปกติประพฤติธรรมแม้ทั้งหมด

    วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ ธัมเม, พึงถึงคววามเจริญในพระธรรม

    อะริยัปปะเวทิเต, ที่พระอริยะเจ้าแสดงแล้วเถิด

    ปะสันนา โหนตุ สัพเพปิ, ขอสรรพสัตว์ทั้งหลาย

    ปาณิโน พุทธะสาสะเน, จงเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

    สัมมาธารัง ปะเวจฉันโต, ฝนจงเพิ่มในอุทกธาร

    กาเล เทโว ปะวัสสะตุ, ตกต้องตามกาลโดยชอบ

    วุฑฒิภาวายะ สัตตานัง, จงนำไปซึ่งเมทนีดล ให้สำเร็จประโยชน์

    สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง, เพื่อบังเกิดความเจริญแก่สัตว์ทั้งหลาย

    มาตาปิตา จะ อัตระชัง, มารดาบิดาย่อมถนอมรักษาบุตรน้อย

    นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง, อันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ ฉันใด

    เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน, พระราชาทั้งหลายจงทรงรักษา

    ปะชัง รักขันตุ สัพพะทา, ประชาราษฎร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงฉันนั้น